แบบทดสอบ เรื่อง ปิโตรเลียม
1.ปิโตรเลียมเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ก. เกิดจากซากสัตว์ทะเลเล็กๆ ที่ถูกทับถมอยู่ใต้ดิน
ข.เกิดจากซากสัตว์กินพืชจมอยู่ใต้พื้นหินเป็นเวลานานๆ
ค.เกิดจากซากพืชหรือต้นไม้ซึ่งจมอยู่ใต้ดินและหินลึกๆ
ง.เกิดจากพืชและสัตว์ทะเลที่ถูกทับถมอยู่ใต้ดินเป็นเวลานานๆ
2.แก๊สโซฮอล์คืออะไร ?
ก.เป็นน้ำมันไบโอดีเซลชนิดหนึ่ง
ข.น้ำมันที่ได้จากการกลั่นลำดับส่วนน้ำมันปาล์ม
ค.เป็นน้ำมันเบนซินชนิดหนึ่งมีคุณภาพเทียบเท่าเบนซิน 91
ง.น้ำมันที่ได้จากการผสมระหว่างน้ำมันเบนซินกับแอลกอฮอล์
3.ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับแก๊สธรรมชาติ ?
ก.ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ข.มีราคาถูกกว่าน้ำมัน
ค.เป็นแก๊สชนิดเดียวกับแก๊สหุงต้ม
ง.เผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์กว่าน้ำมันเบนซิน
4.แก๊สแอลพีจี คืออะไร ?
ก.เป็นแก๊สมีเทน
ข.เป็นแก๊สที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหล็ก
ค.เป็นแก๊สที่ได้จากการผสมระหว่างโพรเพนกับบิวเทน
ง.เป็นแก๊สชนิดเดียวกับที่ได้จากการย่อยสลายของจุลินทรีย์ในบ่อเกรอะ
5.ข้อใดเป็นตัวอย่างของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ?
ก.มีเทน และบิวเทน
ข.พลาสติก และเส้นใยไหม
ค.ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรต
ง.คาร์โบไฮเดรต และ โปรตีน
6.การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารประเภทไฮโดรคาร์บอนเกิดจากสาเหตุใด ?
ก.มีปริมาณเชื้อเพลิงมากเกินไป
ข.มีปริมาณออกซิเจนไม่เพียงพอ
ค.มีปริมาณของไอน้ำผสมในเชื้อเพลิง
ง.เกิดจากมีสารปรอทปนเปื้อนในสารเชื้อเพลิง
7.การกลั่นลำดับส่วนสารไฮโดรคาร์บอนใดออกมาก่อน เรียงตามลำดับ ?
ก.แก๊สหุงต้ม เบนซิน ดีเซล น้ำมันก๊าด
ข.น้ำมันดีเซล น้ำมันก๊าด เบนซิน แก๊สหุงต้ม
ค.แก๊สหุงต้ม เบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล
ง.แก๊สหุงต้ม น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน
8.เหตุใดในกระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติจึงต้องมีหน่วยกำจัดปรอทออกก่อน ?
ก.เพราะไอปรอทมีพิษ
ข.เพราะปรอทเป็นของแข็งจะเกิดการอุดตันท่อ
ค.เพื่อป้องกันการผุกร่อนของท่อจากการรวมตัวกับปรอท
ง.ถูกทุกข้อ
9.ข้อใดเป็นแหล่งพลังงานสำรองในอนาคตของประเทศไทยที่ได้มาจากพืช ?
ก.แก๊สหุงต้ม
ข.ไบโอดีเซล
ค.น้ำมันดีเซล
ง.แก๊สแอลพีจี
10.ปิโตรเลียมประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง ?
ก.น้ำมันกับถ่านหิน
ข.น้ำมันกับหินน้ำมัน
ค.ถ่านหินกับแก๊สธรรมชาติ
ง.น้ำมันกับแก๊สธรรมชาติ
11.ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของน้ำมันและแก๊สธรรมชาติคืออะไร ?
ก.คาร์บอนและไฮโดรเจน
ข.คาร์บอน และออกซิเจน
ค.ไฮโดรเจนและออกซิเจน
ง.คาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน
12.วิธีการใดต่อไปนี้ใช้ตรวจสอบหาแหล่งปิโตรเลียมได้ ?
ก.การวัดค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลก
ข.การตรวจวัดค่าความโน้มถ่วงของโลก
ค.การสำรวจด้วยการวัดคลื่นไหวสะเทือน
ง.ถูกทุกข้อ
13.ข้อใดเป็นการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมโดยอาศัยวิธีทางธรณีวิทยา ?
ก.การทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ
ข.การวัดค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลก
ค.การตรวจวัดค่าความโน้มถ่วงของโลก
ง.การสำรวจด้วยการวัดคลื่นไหวสะเทือน
14.ไฮโดรคาร์บอนชนิดใดต่อไปนี้มีมวลโมเลกุลสูงที่สุด ?
ก.น้ำมันเตา
ข.น้ำมันดีเซล
ค.น้ำมันเบนซิน
ง.ยางมะตอย
15.การเผาไหม้ของน้ำมันเบนซินในข้อใดที่ทำให้เครื่องยนต์เกิดการจุดระเบิดได้ง่ายที่สุด ?
ก.น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทน 90
ข.น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทน 91
ค.น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทน 95
ง.น้ำมันเบนซินที่มีเลขออกเทน 100
16.สารเคมีชนิดใดที่ใช้สำหรับปรับปรุงคุณภาพของน้ำมันเบนซินได้ ?
ก.เอทานอล
ข.เมทานอล
ค.เตตระเมทิลเลด
ง.ถูกทุกข้อ
17.การปรับปรุงคุณภาพของน้ำมันเบนซินด้วยวิธีการในข้อใดจึงจะทำให้ได้น้ำมันที่ไร้สารตะกั่ว ?
ก.เตตระเอทิลเลด
ข.เตตระเมทิลเลด
ค.เมทิลเทอร์เชียรีบิวทิลอีเทอร์
ง.ข้อ ก และ ข
18.ข้อดีของการใช้แก็สปิโตรเลียมเหลวคืออะไร ?
ก.ไม่มีมลพิษในอากาศ
ข.มีค่าเลขออกเทนสูงกว่าน้ำมันเบนซิน
ค.ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ง.ถูกทุกข้อ
19.ข้อใดเป็นผลที่ได้จากการแยกแก๊สธรรมชาติ ?
ก.บิทูเมน
ข.แก๊สอีเทน
ค.น้ำมันเตา
ง.น้ำมันเบนซิน
20.สารที่ได้จากการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ของแก๊สธรรมชาติคือสารใด ?
ก.น้ำและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ข.น้ำและแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์
ค.น้ำ แก๊สออกซิจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ง.แก๊สออกซิจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
21.ชั้นหินใดต่อไปนี้ที่มีความสามารถในการกักเก็บแก๊สธรรมชาติและน้ำมันดิบได้ ?
ก.หินทราย
ข.หินตะกอน
ค.หินดินดาน
ง.ข้อ ข และ ค ถูกต้อง
22.โรงงานอุตสาหกรรมประเภทใดที่ควรตั้งอยู่ใกล้กับโรงแยกแก๊สธรรมชาติ ?
ก.อุตสาหรรมผลิตปุ๋ยเคมี
ข.อุตสาหกรรมผลิตน้ำอัดลม
ค.อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก
ง.ถูกทุกข้อ
23.ในกระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติ เพราะเหตุใดจึงต้องแยกแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกก่อน ?
ก.ป้องกันการอุดตันของท่อ
ข.เพื่อแยกคาร์บอนไดออกไซด์ ไปทำน้ำแข็งแห้ง
ค.แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มีจุดเดือดต่ำกว่าไฮโดรคาร์บอนอื่น
ง.แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ละลายน้ำกลายเป็นกรด ทำให้อุปกรณ์สึกกร่อน
เฉลย
1. ง
2. ง
3. ค
4. ค
5. ก
6. ข
7. ค
8. ค
9. ข
10. ง
11. ก
12. ง
13. ก
14. ง
15. ง
16. ง
17. ค
18. ง
19. ข
20. ก
21. ง
22. ง
23. ก